ตัวอย่างการจัดการเรียนการสอนของประเทศญี่ปุ่นโดยการใช้วิธีการแบบเปิด (Open approach)
การเรียนการสอนคณิตศาสตร์ในประเทศญี่ปุ่นใช้วิธีการแบบเปิด (open approach)ครูจะทำวิจัย (lesson study : ศึกษาและพัฒนาบทเรียนที่ออกแบบเอง) ตลอดเวลาโดยมีการเปิดชั้นเรียน (open classroom) ให้เพื่อนครูเข้าไปสังเกตการสอนและ ร่วมประชุม แสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์ หลังการสอน เพื่อปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเจ้าของบทเรียนสามารถโต้แย้ง แสดงเหตุผลในการออกแบบของตนได้ ว่าดีกว่าข้อเสนอแนะของเพื่อนหรือไม่ อย่างไร ต้องสามารถอธิบายให้เพื่อนเข้าใจได้ หลังจากการถกแถลงและอภิปรายแล้ว ถ้าข้อเสนอของเพื่อนดีกว่า ก็ต้องยอมรับเพื่อปรับปรุง แต่ถ้าเหตุผลของเจ้าของบทเรียนดีกว่า เพื่อน ๆ ก็จะยอมรับ
การสอนคณิตศาสตร์ของครูญี่ปุ่น เน้นการคิดที่แตกต่างของเด็ก และเน้นความสามารถของเด็กในการค้นหาความสัมพันธ์ ด้วยตนเอง ตั้งแต่ชั้น ป. 1
ตัวอย่างเช่น
บทเรียนของคุณครู Takao Seiyama (เด็ก ๆ เรียกเขาว่า คุณครูเซยาม่า) ซึ่งสอนนักเรียนชั้น ป.1 โรงเรียนประถมสาธิต ของมหาวิทยาลัย Tsukuba ณ กรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2551โดยใช้จำนวน 1, 2, 3 เป็นโจทย์ให้นักเรียนหาความสัมพันธ์ในแผนภาพ ในใบงานที่ครูแจกให้ดังรูป
บทเรียนของคุณครู Takao Seiyama (เด็ก ๆ เรียกเขาว่า คุณครูเซยาม่า) ซึ่งสอนนักเรียนชั้น ป.1 โรงเรียนประถมสาธิต ของมหาวิทยาลัย Tsukuba ณ กรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2551โดยใช้จำนวน 1, 2, 3 เป็นโจทย์ให้นักเรียนหาความสัมพันธ์ในแผนภาพ ในใบงานที่ครูแจกให้ดังรูป
1. ครูปิดแผ่นช่องสี่เหลี่ยมดังกล่าวบนกระดานด้วย (กระดานแม่เหล็ก สีเขียว แปะสื่อได้ เขียนด้วยชอลค์สี และชอล์คขาวได้)
2. ครูเริ่มข้อ 1 บนกระดาน
โดยนำบัตรจำนวน 1, 2, 3 มาปิดลงใน 3 ช่องของแถวล่าง
ครูชี้ที่ 1 และ 2 ถามนักเรียน ป.1 ว่ารวมกันได้เท่าไร
นักเรียนแย่งกันยกมือ ครูเลือกนักเรียนตอบ นักเรียนตอบ 3
ครูชี้ที่ 2 และ 3 ถามนักเรียนว่ารวมกันได้เท่าไร
นักเรียนแย่งกันยกมือ ครูเลือกนักเรียนตอบ นักเรียนตอบ 5
- ครูทวนถามนักเรียนว่า 3 ได้มาจากไหน
นักเรียนแย่งกันยกมือ ครูเลือกนักเรียนตอบ นักเรียนตอบ 1+2=3
ครูเขียนลงบนกระดาน
- ครูทวนถามนักเรียนว่า 5 ได้มาจากไหน
นักเรียนแย่งกันยกมือ ครูเลือกนักเรียนตอบ นักเรียนตอบ 2+3=5
ครูเขียนลงบนกระดานดังรูปและให้นักเรียนเขียนลงในใบงานของนักเรียนและทำช่องบนสุดต่อเอง
2. ครูเริ่มข้อ 1 บนกระดาน
โดยนำบัตรจำนวน 1, 2, 3 มาปิดลงใน 3 ช่องของแถวล่าง
ครูชี้ที่ 1 และ 2 ถามนักเรียน ป.1 ว่ารวมกันได้เท่าไร
นักเรียนแย่งกันยกมือ ครูเลือกนักเรียนตอบ นักเรียนตอบ 3
ครูชี้ที่ 2 และ 3 ถามนักเรียนว่ารวมกันได้เท่าไร
นักเรียนแย่งกันยกมือ ครูเลือกนักเรียนตอบ นักเรียนตอบ 5
- ครูทวนถามนักเรียนว่า 3 ได้มาจากไหน
นักเรียนแย่งกันยกมือ ครูเลือกนักเรียนตอบ นักเรียนตอบ 1+2=3
ครูเขียนลงบนกระดาน
- ครูทวนถามนักเรียนว่า 5 ได้มาจากไหน
นักเรียนแย่งกันยกมือ ครูเลือกนักเรียนตอบ นักเรียนตอบ 2+3=5
ครูเขียนลงบนกระดานดังรูปและให้นักเรียนเขียนลงในใบงานของนักเรียนและทำช่องบนสุดต่อเอง
- เมื่อนักเรียนทำเสร็จแล้วครูถามนักเรียนว่า ใครได้แถวบนสุดเท่าไรกันบ้าง
นักเรียนแย่งกันยกมือ ครูเลือกนักเรียนคนหนึ่ง ออกมานำบัตรที่เป็นคำตอบปิดในช่องบนสุด
ที่หน้ากระดานมีเก้าอี้สำหรับให้นักเรียนต่อขาด้วย ในกรณีที่เอื้อมไม่ถึง (คำตอบคือ 8)
- ครูทวนถามนักเรียนว่า 8 ได้มาจากไหน
นักเรียนแย่งกันยกมือ ครูเลือกนักเรียนคนหนึ่ง ออกมาเขียนที่มาของ 8 คือ 3+5=8
ครูพยายามเลือกนักเรียนที่ไม่ซ้ำคนเดิม หรือบางครั้งเลือกคนที่ไม่เคยยกมือเลย
นักเรียนแย่งกันยกมือ ครูเลือกนักเรียนคนหนึ่ง ออกมานำบัตรที่เป็นคำตอบปิดในช่องบนสุด
ที่หน้ากระดานมีเก้าอี้สำหรับให้นักเรียนต่อขาด้วย ในกรณีที่เอื้อมไม่ถึง (คำตอบคือ 8)
- ครูทวนถามนักเรียนว่า 8 ได้มาจากไหน
นักเรียนแย่งกันยกมือ ครูเลือกนักเรียนคนหนึ่ง ออกมาเขียนที่มาของ 8 คือ 3+5=8
ครูพยายามเลือกนักเรียนที่ไม่ซ้ำคนเดิม หรือบางครั้งเลือกคนที่ไม่เคยยกมือเลย
3. ครูนำช่องสี่เหลี่ยมชุดที่สอง โดยแถวล่างสุด ให้นำจำนวน 1, 2, 3 มาจัดเรียงให้แตกต่างไปจากชุดแรกแล้วทำแถวกลางและแถวบนสุดด้วยกรรมวิธีเดิมมาปิดบนกระดาน ให้นักเรียนช่วยกันออกมาเติมจำนวนลงในช่องสี่เหลี่ยมทีละคน เด็ก ๆ เกิดความสนุกสนาน แย่งกันยกมืออาสาออกมาทำ เมื่อมีเพื่อนคนใดทำผิด ก็แย่งกันยกมืออาสาออกมาแก้ ถึงแม้เด็กจะส่งเสียงอุทาน ยกมือ นั่งไม่ติด อยากตอบ อยากออกมาทำ แต่ก็มีวินัย เคารพกติกา ถ้าครูยังไม่ระบุชื่อตน ก็ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น
5. ครูให้นักเรียนช่วยกันตรวจดูว่ามีแผ่นไหนซ้ำกันบ้างให้นักเรียนอาสาออกมาหยิบแผ่นที่ซ้ำกันออกจากนั้น ครูให้นักเรียนอาสาออกมาหยิบแผ่นที่มีคำตอบแถวบนสุดเท่ากันมาปิดไว้ใกล้กัน จัดได้ดังนี้
6. ครูถามนักเรียนว่า มีชุดของใครที่มีการจัดเรียงจำนวน 1, 2, 3 ในแถวล่างสุดแตกต่างจากนี้อีกหรือไม่ ถ้ามีก็ให้นำออกมาปิดเพิ่มบนกระดาน ปรากฏว่ามีนักเรียนบางคนอาสาออกมาปิดเพิ่มและมีนักเรียนอาสาออกมาชี้ว่าซ้ำกับชุดใดในที่สุดสรุปว่า ไม่สามารถจัดเรียงจำนวน 1, 2, 3 ให้แตกต่างไปจากที่แสดงอยู่แล้ว
ดังนั้น จัดได้มากที่สุดเพียง 6 แบบเท่านั้น
7. ครูเดินดูผลงานในใบงานของนักเรียนแล้วถามว่า ใครจัดเรียง จำนวน 1, 2, 3 ได้ครบทั้ง 6 แบบบ้าง นักเรียนยกมือกันมากมาย
8. ครูเลือกนักเรียนให้ออกมาอธิบายประกอบการชี้แผ่นงานบนกระดาน ว่า เขามีแนวคิดในการจัดอย่างไร จึงไม่ซ้ำกัน และได้ครบทั้ง 6 แบบและถามว่า ใครมีแนวคิดในการจัดที่แตกต่างกับนักเรียนคนแรกบ้าง
ตัวอย่างแนวคิดในการจัดของนักเรียนคนหนึ่ง เขาอธิบายว่า
ให้ 1 อยู่ในช่องแรกก่อน แล้วสับเปลี่ยนระหว่าง 2 กับ 3 ในช่องถัดไป ได้เป็น 1, 2, 3 กับ 1, 3, 2
ต่อไปให้ 2 อยู่ในช่องแรก แล้วสับเปลี่ยนระหว่าง 1 กับ 3 ในช่องถัดไป ได้เป็น2, 1, 3 กับ 2, 3, 1
ต่อไปให้ 3 อยู่ในช่องแรก แล้วสับเปลี่ยนระหว่าง 1 กับ 2 ในช่องถัดไป ได้เป็น 3, 1, 2 กับ 3, 2, 1
ตัวอย่างแนวคิดในการจัดของนักเรียนคนหนึ่ง เขาอธิบายว่า
ให้ 1 อยู่ในช่องแรกก่อน แล้วสับเปลี่ยนระหว่าง 2 กับ 3 ในช่องถัดไป ได้เป็น 1, 2, 3 กับ 1, 3, 2
ต่อไปให้ 2 อยู่ในช่องแรก แล้วสับเปลี่ยนระหว่าง 1 กับ 3 ในช่องถัดไป ได้เป็น2, 1, 3 กับ 2, 3, 1
ต่อไปให้ 3 อยู่ในช่องแรก แล้วสับเปลี่ยนระหว่าง 1 กับ 2 ในช่องถัดไป ได้เป็น 3, 1, 2 กับ 3, 2, 1
9. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมต่อไป ดังนี้
1. สังเกตและเปรียบเทียบการจัดเรียงจำนวน 1, 2, 3 ในชุดที่มีคำตอบบรรทัดบนสุดเท่ากันว่ามีการจัดเรียงที่สัมพันธ์กันอย่างไร?
2. คำตอบแถวบนสุด เป็นผลบวกของ จำนวนในแถวล่างสุด ใช่หรือไม่? เพราะเหตุใด?
3. ให้นักเรียนนำจำนวนอื่นอีก 3 จำนวน เช่น 4, 5, 6 มาจัดเรียงในแถวล่างสุดของช่องสี่เหลี่ยมชุดที่เหลือในใบงาน และหาคำตอบของแถวบนสุดด้วยกระบวนการเดียวกัน
จะเห็นว่า ครูสอนให้นักเรียนค้นหาความสัมพันธ์ และคิด วิเคราะห์ ตั้งแต่ชั้น ป.1 ให้มีประสบการณ์กับ การเรียงสับเปลี่ยน เพียงแต่ยังไม่ถึงขั้นสรุปออกมาเป็นสูตร เพราะเด็กยังไม่มีความรู้เรื่อง "การคูณ"แต่ก็ทำให้เด็กมีประสบการณ์จริงกับการจัดเรียงตั้งแต่เล็ก ๆ ซึ่งจะเป็นต้นทุนสะสมสำหรับการเรียนรู้เรื่องการเรียงสับเปลี่ยน (permutation) ในอนาคตได้เป็นอย่างดี
1. สังเกตและเปรียบเทียบการจัดเรียงจำนวน 1, 2, 3 ในชุดที่มีคำตอบบรรทัดบนสุดเท่ากันว่ามีการจัดเรียงที่สัมพันธ์กันอย่างไร?
2. คำตอบแถวบนสุด เป็นผลบวกของ จำนวนในแถวล่างสุด ใช่หรือไม่? เพราะเหตุใด?
3. ให้นักเรียนนำจำนวนอื่นอีก 3 จำนวน เช่น 4, 5, 6 มาจัดเรียงในแถวล่างสุดของช่องสี่เหลี่ยมชุดที่เหลือในใบงาน และหาคำตอบของแถวบนสุดด้วยกระบวนการเดียวกัน
จะเห็นว่า ครูสอนให้นักเรียนค้นหาความสัมพันธ์ และคิด วิเคราะห์ ตั้งแต่ชั้น ป.1 ให้มีประสบการณ์กับ การเรียงสับเปลี่ยน เพียงแต่ยังไม่ถึงขั้นสรุปออกมาเป็นสูตร เพราะเด็กยังไม่มีความรู้เรื่อง "การคูณ"แต่ก็ทำให้เด็กมีประสบการณ์จริงกับการจัดเรียงตั้งแต่เล็ก ๆ ซึ่งจะเป็นต้นทุนสะสมสำหรับการเรียนรู้เรื่องการเรียงสับเปลี่ยน (permutation) ในอนาคตได้เป็นอย่างดี